นายกฯ อนุทิน ฝากถึงเยาวชน ให้นึกถึงอนาคต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

4 ตุลาคม 2568 นายกฯ อนุทิน ฝากถึงเยาวชน ให้นึกถึงอนาคต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนน้ำท่วมภาคเหนือ แบ่งงาน รมช. มท. ลงพื้นที่ และเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 “ยุทธการสกัดยานรก” ว่าเดินหน้าป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยรวมพลังของฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจในการป้องกันปราบปรามการค้า การจำหน่ายรายย่อย ด้วยการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

“ขอฝากไปยังผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงเยาวชนที่รับจ้างขนส่ง ไม่คุ้มเลยกับโทษที่ได้รับ มีแต่เด็กเยาวชนทั้งนั้น ที่ไปรับจ้างขนส่งยาเสพติด มีโทษเท่ากับเป็นผู้ค้า ขอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอนาคตที่จะเสียไปเพราะโทษที่ได้รับมีโทษร้ายแรง ถึงประหารชีวิต และอาจจะโดนโทษตลอดชีวิต ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดมีโทษเด็ดขาด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความร่วมมือกับทุกฝ่าย รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนที่มีประวัติยาเสพติดจะเข้าประเทศ จะติดตามดำเนินคดีอยู่ตลอดเวลา เข้าไปเอกซเรย์การค้ายาเสพติดให้เหลือน้อยที่สุด ต้องดำเนินคดีผู้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เป็นความร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถทำการค้าสิ่งผิดกฎหมายได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในส่วนของน้ำท่วมทางภาคเหนือ ได้ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง 3 ท่าน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่วนของการเยียวยา ถ้าเกิดความเสียหายจะเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด ทั้งยังจะดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดภัยน้ำท่วมในระยะยาวด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการรื้ออาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ว่า หากประเมินตัวอาคารว่าไม่มีความปลอดภัย ก็จำเป็นต้องรื้อออกและสร้างใหม่ ซึ่งจะเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของงาน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง สภาวิศวกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบโครงสร้างเพิ่มเติม เนื่องจากพบเสาเข็มขาดเพิ่ม  ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และเห็นควรที่จะต้องรื้อถอนอาคาร เพราะตำรวจควรมีที่ทำงานใหม่ เนื่องจากตัวอาคารเริ่มหลุดจากศูนย์กลางโครงสร้าง ซึ่งไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานในอาคารหลังนี้ได้อย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้คุยเบื้องต้นกับทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้รับจ้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเห็นตรงกันว่า ในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง ต้องรื้ออาคารและสร้างใหม่ขึ้นมา เนื่องจากสภาพดินบริเวณดังกล่าวสไลด์และอ่อนตัว ส่งผลให้อาคารขาดความสมดุล ประกอบกับอาคารเดิมมีขนาดเล็ก ใช้เสาเข็มไม่ใหญ่ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือสร้างใหม่ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

Advertisement

Related posts

เปิดแผน 5 ขั้นตอน สร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา หลักเขต 52-59 จันทบุรี-ตราด

“นายกฯ อนุทิน” สั่งการกวาดล้างภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ

“อนุทิน” ย้ำไทม์ไลน์ยุบสภา 31 ม.ค. มั่นใจปักธงภาคใต้ได้